59CLUB MAKES HUGE INDENT IN ITS PLEDGE TO BECOME GLOBALLY CARBON NEUTRAL BY 2030

Last year, 59club announced its commitment to become carbon neutral across its global operations by 2030, and is unbelievably excited to have taken a huge step on that journey, with its UK & Ireland business now officially accredited with achieving neutrality in 2022.

To help guide them through the transition to carbon neutral, 59club found solace in the services provided by “Neutral Carbon Zone (NCZ)” – a leading consultancy, management and certification platform.


“Strategically we decided to start with the UK business as it is our most mature business. If we can achieve carbon neutral here, we know we can share best practice and achieve it in our Asia, Australia, Canada, European, MEA, Nordic & USA businesses.” said Simon Wordsworth, Founder and CEO of 59club.


Over the last 16 months, Alan Stenson & Krys Stanton from NCZ supported Will Hewitt, Andy Etherington and the 59club UK team to adopt NCZ’s three scope structure to tackle the key areas of emissions, by creating strategies for every emission line, either at the company’s cost or simply behavioural changes within the business.


“We reviewed emissions directly generated by the company’s activities, emissions that are indirectly generated by energy purchased by the company, and lastly emissions that arise from organizational activities, but from sources owned or controlled by other organizations."


“It’s taken time simply because of the complexity of our business, as it’s not just our office and our people, but all the emissions created by our mystery testers and auditors as they move around the UK & Ireland, the events that we host such as the annual awards ceremony, client golf days, the servers that our software runs on…the list could just go on.” continued Wordsworth.


The business even went further than ‘required’ to help its team members tackle their own carbon emissions through their personal travel and home energy use.


To date, 59club’s UK & Ireland division has completed the first phase of its pledge, having received the results of a recently commissioned carbon footprint assessment, which measures the carbon emissions generated by the organisation’s activities. The assessment is the critical first stage of a comprehensive and commercially focused carbon management plan. The measurement of 59club’s carbon emissions follows the internationally recognised standard ISO-14064-1:2006.


Wordsworth added; “As we progress through this journey, will start to change company buying decisions to ‘fellow green businesses’ who are positively seeking neutrality – where we stay, where we eat, who we buy from etc.”


Achieving Carbon Neutrality by 2030 across 59club’s Global Operations


"For 59club, the pursuit of excellence extends beyond exceptional customer service; it encompasses a responsibility towards our planet. Today, we proudly reaffirm our commitment to achieving carbon neutrality across our global operations by 2030. With this effort, 59club is dedicated to creating a brighter future, where exceptional experiences coexist with a greener world."


"Today's announcement marks an important milestone in 59club's journey towards global carbon neutrality. We firmly believe that every long journey begins with a first step, and this commitment to becoming carbon neutral across our entire global operations by 2030 is just the beginning.”


Wordsworth concludes; “Some of our operations that cover huge geographical areas are going to find this really difficult whilst still trying to grow and be profitable, but we believe this is an absolute necessity for the preservation of our planet. Over the coming decades, we will continue to forge ahead, implementing innovative measures and collaborating with partners worldwide to ensure a sustainable future. We have always tried to be amongst the first/early movers, tried to be creative and innovative and this journey allows us to flourish, playing our part to inspire positive change for generations to come."

บริษัท ฟิฟตี้ ไนน์ คลับ ตั้งเป้าหมายในการเป็นบริษัทที่สนับสนุนความรับผิดชอบทางสิ่งแวดล้อมของโลกโดยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นไปในชั้นบรรยากาศให้อยู่ในระดับที่ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมภายในปี 2030

ในปีที่แล้ว บริษัท ฟิฟตี้ ไนน์ คลับ ได้ประกาศเจตนาที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นไปในชั้นบรรยากาศให้อยู่ในระดับที่ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกสาขาทั่วโลก ภายในปี 2030 ซึ่งถือเป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่และทางบริษัทสามารถทำสำเร็จแล้วในสาขาสหราชอาณาจักร และ สาขาไอร์แลนด์เมื่อปี 2022

เพื่อช่วยให้มีแนวทางชัดเจนในการเปลี่ยนแปลงไปสู่การเป็นบริษัททีมีความรับผิดชอบทางสิ่งแวดล้อมของ ฟิฟตี้ ไนน์ คลับ ทางบริษัทฯได้เลือกใช้ "Neutral Carbon Zone (NCZ)" ซึ่งเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษา การบริหาร และ รับรองคุณลักษณะที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นไปยังชั้นบรรยากาศ


"ทางเราตัดสินใจเริ่มต้นด้วยสาขาในสหราชอาณาจักรเนื่องจากเป็นสาขาที่เจริญเติบโตมากที่สุดของเรา ถ้าเราสามารถบรรลุการรับผิดชอบทางสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ ก๊าซที่ส่งผลต่อปรากฏการเรือนกระจกในสาขาแรกได้ เราจะรู้ว่าเราสามารถแบ่งปันวิธีการที่ดีที่สุดเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ในสาขาอื่นๆของเราในภูมิภาคเอเชีย ออสเตรเลีย แคนาดา ยุโรป แอฟริกาตะวันออกกลาง นอร์ดิค และสหรัฐอเมริกา" กล่าวโดย Simon Wordsworth, ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ฟิฟตี้ ไนน์ คลับ


ในช่วง 16 เดือนที่ผ่านมา Alan Stenson และ Krys Stanton จาก NCZ ได้สนับสนุน Will Hewitt, Andy Etherington และทีมงาน ฟิฟตี้ ไนน์ คลับ ในสหราชอาณาจักรในการนำแนวทางของ NCZ มาจัดการกับพื้นที่สำคัญของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยการสร้างกลยุทธ์สำหรับทุกส่วนการปฏิบัติการของบริษัท ฟิฟตี้ ไนน์ คลับ ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานที่ซื้อเข้ามาโดยบริษัทฯในการดำเนินธุรกิจโดยรวม และกิจกรรมทางธุรกิจของบริษัทฯ


"เราตรวจสอบการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นโดยตรงจากกิจกรรมของบริษัทฯ เชื้อเพลิงหรือแหล่งพลังงานที่ถูกซื้อมาโดยองค์กร และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่อาจเกิดขึ้นจากกิจกรรมองค์กร ซึ่งมาจากแหล่งที่เป็นเจ้าของโดยอยู่ในการควบคุมขององค์กรอื่นๆ”


"มันใช้เวลานานเพราะความซับซ้อนของธุรกิจของเรา เพราะมันไม่ได้เกี่ยวข้องเฉพาะกับสำนักงานและคนของเราเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สร้างขึ้นโดยนักช็อปปริศนาและผู้ตรวจสอบที่ทำงานกับองค์กรของเราเมื่อเขาเดินทางรอบสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์เพื่อทำงานให้เรา รวมไปถึงงานกิจกรรมที่เราจัดขึ้น เช่น งานประกาศรางวัลประจำปี งานกอล์ฟอีเว้นท์ เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ในการรันซอฟต์แวร์ของเรา ... รายการนี้คงไม่จบเพียงเท่านี้" Wordsworth กล่าว


บริษัทฯ ยังไปอีกไกลกว่าที่เพียง "ต้องทำ" เพื่อช่วยสมาชิกในทีมในการจัดการกับปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของตนผ่านการเดินทางส่วนบุคคลและการใช้พลังงานในบ้าน


จนถึงปัจจุบัน สาขาของ ฟิฟตี้ ไนน์ คลับ ในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ได้บรรลุเป้าหมายในช่วงแรกของสิ่งที่พวกเขาตั้งใจไว้ โดยได้รับผลการประเมินอย่างละเอียดถี่ถ้วนเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยมีการวัดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของกิจกรรมขององค์กรทั้งหมด การประเมินเป็นขั้นตอนแรกถือเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับแผนการจัดการคาร์บอนไดออกไซด์แบบครอบคลุมขององค์กร การวัดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของ ฟิฟตี้ ไนน์ คลับ ได้มาตรฐานระดับโลกที่รับรองว่าเป็นมาตรฐาน ISO-14064-1: 2006


Wordsworth กล่าวเพิ่มเติมว่า "เราจะเริ่มเปลี่ยนการตัดสินใจในการซื้อสินค้าและอุปกรณ์ของบริษัทฯและทีมงาน ให้ผ่านผู้ประกอบการที่เป็น “ธุรกิจสีเขียว” เพื่อแสดงความรับผิดชอบทางสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอีก รวมไปถึงบ้านพักของเรา ร้านอาหาร และสินค้าที่เราซื้อ เป็นต้น"


การบรรลุเป้าหมายความรับผิดชอบทางสิ่งแวดล้อมในทุกสาขาทั่วโลก ของบริษัท ฟิฟตี้ ไนน์ คลับ ภายในปี 2030


"สำหรับบริษัท ฟิฟตี้ ไนน์ คลับ การมุ่งมั่นในการให้บริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยมไม่เพียงแค่นี้ เรายังแสดงถึงความรับผิดชอบต่อโลกของเรา วันนี้เรายืนยันอย่างภาคภูมิใจถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะบรรลุเป้าหมายในการรับผิดชอบทางสิ่งแวดล้อมทางการค้าระดับโลกภายในปี 2030 ด้วยความพยายามนี้ บริษัท ฟิฟตี้ ไนน์ คลับ มุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่สว่างสดใสบนโลกที่เขียวขึ้น”


"การประกาศในวันนี้เป็นเหตุการณ์สำคัญในการเดินทางของบริษัท ฟิฟตี้ ไนน์ คลับ เพื่อเข้าสู่การเป็นบริษัทฯที่แสดงถึงความรับผิดชอบทางสิ่งแวดล้อมระดับโลก เราเชื่ออย่างแน่นอนว่าทุกการเดินทางยาวนานเริ่มต้นด้วยก้าวแรก และความมุ่งมั่นที่จะกลายเป็นบริษัทที่แสดงความรับผิดชอบทางสิ่งแวดล้อมระดับโลกทั้งหมดในทุกสาขาภายในปี 2030 เป็นเพียงเรื่องเริ่มต้นเท่านั้น"


Wordsworth สรุปว่า "บางส่วนของกิจกรรมขององค์กรของเราที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ ซึ่งมันยากมากในขณะที่บริษัทพยายามเติบโตและสร้างผลกำไรเพื่อเดินต่อไป แต่เราเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจำเป็นอย่างแท้จริงสำหรับการอนุรักษ์โลกของเรา ในสิบกว่าปีต่อจากนี้เราจะดำเนินการลุยไปข้างหน้า เพื่อบังคับใช้มาตรการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมนี้ และขอความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ทั่วโลกเพื่อให้มีแนวทางอนาคตที่ยั่งยืน เรามีความตั้งใจที่จะเป็นบริษัทแรก หรือ ผู้นำในเส้นทางนี้เพื่อกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของโลกเพื่ออนุรักษ์ และเชิดชูสิ่งดีงามให้กับคนรุ่นหลัง"